วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มาตรการป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้ากรณีเกิดโรค(จากหมอจำนงค์ สันกว๊าน นายสัตว์แพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย)

มาตรการเร่งรัดควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าพื้นที่ระบาด

การควบคุมป้องกันโรค
1.     เร่งรุดดำเนินการตรวจสอบยืนยันแหล่งข้อมูลของการเกิดโรค แล้วดำเนินการสอบสวนโรค (Outbreak investigation) โดยทันที เพื่อให้ทราบสาเหตุ แหล่งที่มาของการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
2.     ประสานงานแจ้งผู้/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบผลการสอบสวนโรคพิษสุนัขบ้า
3.     ปศุสัตว์ดำเนินการประกาศเป็นเขตโรคระบาด ควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์และดำเนินการตามมาตรการใน พรบ โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499
4.     กักสัตว์สงสัยดูอาการอย่างน้อย 10 วัน หากสัตว์ตาย ส่งหัวตรวจทางห้องปฏิบัติการ
5.     ประสานสำนักระบาดร่วมลงพื้นที่สอบสวนโรคร่วมกับหน่วยงานปศุสัตว์เพื่อหาแหล่งที่มาของสัตว์ที่เป็นต้นเหตุพื้นที่เสี่ยงผู้สัมผัสโรคเพิ่มเติม
6.     สาธารณอำเภอร่วมกับท้องถิ่นประสานเครือข่าย อสม ดำเนินการติดตามค้นหาผู้สัมผัสหรือสงสัยว่าสัมผัสโรคทุกราย เพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ารักษาอย่างถูกต้องครบถ้วนตามเวชปฏิบัติ
7.     อสม. เคาะประตูบ้านแจ้งเตือนประชาชนพบผลบวกโรคพิษสุนัขจากหัวสัตว์ที่ส่งตรวจ เพื่อให้มีการเฝ้าระวังและค้นหาผู้สัมผัสเพิ่ม
8.     ปศุสัตว์อำเภอร่วมกับท้องถิ่นประสานเครือข่าย อสป ดำเนินการติดตามค้นหาสัตว์สงสัย/ถูกหรือว่ากัด/สัมผัส
9.     ปศุสัตว์อำเภอร่วมกับท้องถิ่นประสานเครือข่าย ดำเนินการปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันสร้างภูมิคุ้มโรคพิษสุนัขบ้า และร่วมเฝ้าระวังโรค
10.     เฝ้าระวังในเชิงรุก ส่งหัวสัตว์สงสัยส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
11.     สนับสนุนข้อมูลเพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และให้ความรู้/ตระหนัก/ ทุกช่องทาง เช่น หอกระจายเสียง เสียงตามสายป้ายประชาสัมพันธ์สติ๊กเกอร์ คู่มือ แผ่นพับ แก่ประชาชนในพื้นที่รัศมีอย่างน้อย 3-5 กิโลเมตร และร่วมเฝ้าระวังโรคเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หากพบสัตว์น่าสงสัยให้รดรีบแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่ทราบให้ประชาชนในพื้นที่ระบาด
การมีส่วนร่วมของประชาชน
1.     ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กรมปศุสัตว์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเครือข่ายเฝ้าระวังสังเกตสัตว์หากพบสัตว์เลี้ยง/ต่างถิ่นมีนิสัยดุร้ายหรือมีอาการผิดปกติคล้ายโรคพิษสุนัขบ้า ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือสัตวแพทย์หรืออาสาในพื้นที่ทันที
2.     ผู้ที่เลี้ยงสุนัขและแมวควรพาไปฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และควรเลี้ยงในบริเวณบ้านไม่ปล่อยเดินเพ่นพ่าน ลดโอกาสสัมผัสกับสัตว์ต่างถิ่นหรือพเนจร ตลอดจนกักสัตว์ที่กัดข่วนสัมผัสหรือสงสัยตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
3.     หากสัตว์ตายไม่ทราบสาเหตุ แจ้งเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างหัวสุนัขส่งตรวจโรคพิษสุนัขบ้าทางห้องปฏิบัติการ ให้ข้อมูลสำคัญ (ถ้ามี) เกี่ยวกับสัตว์ที่กัด เช่น ประวัติการฉีดวัคซีน ที่มาของสุนัขให้กับผู้เสียหายและแพทย์ผู้ดูแลรักษา
4.     เพิ่มความระมัดระวัง ดูแลปกป้องเด็กและผู้เฒ่า เลี่ยงการสัมผัสหรือถูกสัตว์กัดข่วน โดยท่องและปฏิบัติตามคาถา 5 ย.
อย่าแหย่     สัตว์ให้กลัวหรือตกใจ อาจถูกแว้งกัดได้
อย่าเหยียบ  หัว ตัว หาง ควรเดินด้วยความระมัดระวัง
อย่าหยิบ     สิ่งของหรือจานข้าวที่สัตว์กำลังครอบครอง
อย่าแยก      สัตว์ที่กำลังต่อสู้กัน ด้วยมือเปล่าอย่างเด็ดขาด
อย่ายุ่ง        หรือสัมผัสกับสัตว์อื่นๆ โดยเฉพาะไม่รู้แหล่งที่มา
ข้อปฏิบัติของคนที่สัมผัสหรือถูกสัตว์กัดข่วน
1)    ชะล้างแผลด้วยน้ำเปล่าที่สะอาดและสบู่
2)    ทาแผลด้วยเบทาดีน      
3)    กักสุนัขอย่างน้อย 10 วัน เพอสังเกตอาการผิดปกติของสุนัข ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ และเมื่อสุนัขเสียชีวิตให้นำหัวสุนัขส่งทางห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
4)    รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น และให้เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และฉีดให้ครบตามกำหนดนัด ห้ามผิดนัด

การปฏิบัติเมื่อเกิดโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่
 ในฐานะประชาชนและเจ้าของสัตว์
1.      ผู้ที่เลี้ยงสุนัขและแมวควรนำสัตว์รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี (ปีแรก 2 ครั้งๆ แรกเมื่ออายุ 2 เดือน) และปฏิบัติตามกฎหมาย พรบ. โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ.2535 และควรเลี้ยงในบริเวณบ้านไม่ปล่อยเดินเพ่นพ่าน หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้ใส่สายจูงลดโอกาสสัมผัสกับสัตว์ต่างถิ่นหรือพเนจร
2.      เลี้ยงสุนัขให้อยู่ในบริเวณบ้าน
3.      เพิ่มความระมัดระวัง ดูแลปกป้องเด็กและผู้เฒ่า เลี่ยงการสัมผัสหรือถูกสัตว์กัดข่วน โดยปฏิบัติตามคาถา 5 ย.
v     อย่าแหย่         สัตว์ให้กลัวหรือตกใจ อาจถูกแว้งกัดได้
v     อย่าเหยียบ      หัว ตัว หาง ควรเดินด้วยความระมัดระวัง
v     อย่าหยิบ         สิ่งของหรือจานข้าวที่สัตว์กำลังครอบครอง
v     อย่าแยก         สัตว์ที่กำลังต่อสู้กัน ด้วยมือเปล่าอย่างเด็ดขาด
v     อย่ายุ่ง           หรือสัมผัสกับสัตว์อื่นๆ โดยเฉพาะไม่รู้แหล่งที่มา
4.      หากถูกสัตว์กัด/ข่วน ให้รีบชะล้างแผลด้วยน้ำเปล่าที่สะอาดและสบู่ รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ให้ครบถ้วนตามกำหนดนัด
5.      ตลอดจนกักสัตว์ที่กัดข่วนสัมผัสหรือสงสัยตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่กักสัตว์ที่กัดข่วนหรือสงสัยดูอาการผิดปกติอย่างน้อย 10 วัน ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ และหากสุนัขเสียชีวิตให้นำหัวสุนัขส่งทางห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
6.      ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กรมปศุสัตว์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเครือข่ายเฝ้าระวังสังเกตสัตว์หากพบสัตว์เลี้ยง/ต่างถิ่นมีนิสัยดุร้ายหรือมีอาการผิดปกติคล้ายโรคพิษสุนัขบ้า ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือสัตวแพทย์หรืออาสาในพื้นที่ทันทีเพื่อเก็บตัวอย่างหัวส่งตรวจ
7.      หากสัตว์ตายไม่ทราบสาเหตุ แจ้งเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างหัวสุนัขส่งตรวจโรคพิษสุนัขบ้าทางห้องปฏิบัติการ ให้ข้อมูลสำคัญ (ถ้ามี) เกี่ยวกับสัตว์ที่กัด เช่น ประวัติการฉีดวัคซีน ที่มาของสุนัขให้กับผู้เสียหายและแพทย์ผู้ดูแลรักษา
ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์
1.      ดูแลป้องกันรักษาปฏิบัติตามคู่มือสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
2.      แนะนำผู้สัมผัส/ถูกสัตว์กักข่วนให้สังเกตอาการสัตว์ดังกล่าว
3.      ประสานแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบ
4.      หากพบผู้ป่วยที่สงสัยหรือเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าให้ประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบทันที
ในฐานะของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
1.      ประสานในส่วนที่เกี่ยวข้องทันทีในกรณีคนถูกสัตว์ กัดข่วน หรือพบคนป่วยที่สงสัย
2.      ค้นหาผู้สัมผัส/ถูกสัตว์ที่สงสัยกัดหรือข่วนทุกราย และติดตามให้ไปรับการฉีดวัคซีนครบถ้วนตามกำหนดนัด
3.      ร่วมสอบสวนโรคทุกกรณีที่พบโรคพิษสุนัขบ้าไม่ว่าในคนหรือสัตว์
4.      ร่วมกับท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์การรับรู้และ คาถา 5 ย และเวชปฏิบัติ
ในฐานะของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์
1.      รับแจ้งและตรวจสอบสัตว์ที่กัดหรือข่วน
2.      เก็บหัวสัตว์ที่สงสัยไปยังห้องปฏิบัติการและแจ้งผลการตรวจให้ผู้ที่เกียวข้องได้ทราบเพื่อค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติม
3.      ประกาศเป็นเขตโรคระบาดดำเนินการเข้าควบคุมสอบสวนโรคในสัตว์ตามมาตรการกรมปศุสัตว์
4.      ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเบิกวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันในสัตว์ให้ครอบคลุม
5.      ควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยง และกักสัตว์ที่สงสัยในที่ปลอดภัยเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน
6.      ร่วมกับท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้การเลี้ยง/ดูแลสัตว์ที่ถูกต้อง
7.         เฝ้าระวังโรคในพื้นที่ต่อเนื่องอย่างน้อย  6 เดือนหลังพบผลบวกตัวสุดท้าย
ในฐานะของท้องถิ่น
1.      รับผิดชอบคุณภาพชีวิตของผู้เยี่ยมเยียน/ประชาชนมาในพื้นที่
2.      มีข้อมูลประชากรสุนัขและแมวในการวางแผนควบคุมป้องกันระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่
3.      ขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงในพื้นที่อย่างครอบคลุม
4.      ประสานเครือข่ายร่วมประเมินสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคนและสัตว์
5.      สนับสนุนให้การสร้างภูมิคุ้มโรคพิษสุนัขบ้าครอบคลุมสัตว์เลี้ยงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
6.      ส่งเสริมความเข้มแข็งทั้งในด้านความรู้ความชำนาญ แก่อาสาสาธารณสุขและปศุสัตว์ ในการดำเนินกิจกรรมการสร้างภูมิคุ้มโรคพิษสุนัขบ้าสัตว์เพื่อปกป้องการเกิดโรคในคน
7.      สร้างเสริมภูมิคุ้มโรคให้กับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ อาสาสมัครผู้จับสัตว์และฉีดวัคซีน ตลอดจนหน่วยไล่ล่า และเก็บตัวอย่างหัวสัตว์
8.      สงเคราะห์และให้บริการรถรับส่งผู้ถูกสัตว์กัดข่วนหรือสัมผัส ให้ได้รับการสร้างภูมิคุ้มโรคพิษสุนัขบ้าอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร
9.      จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการและหน่วยเฉพาะกิจบูรณาการทุกหน่วยงาน เพื่อการเฝ้าระวัง และร่วมดำเนินกิจกรรมร่วมกับปศุสัตว์และสาธารณสุข
10.  สร้างการรับรู้และประสานผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพิษสุนัขบ้ามาเสริมความรู้ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะเด็ก นักเรียนและผู้อาวุโส หลีกเลี่ยงการถูกกัด/สัมผัส ตลอดจนติดตามผู้ถูกกัด/สัมผัส ให้ได้รับการดูแลตามเวชปฏิบัติอย่างสมบูรณ์
11.  ควบคุมประชากรสุนัขและแมว โดยระเบียบ/ข้อบัญญัติ/เทศบัญญัติการเลี้ยงสัตว์ ที่จะไม่ให้สัตว์เลี้ยงสร้างความรำคาญ/เดือดร้อนแก่เพื่อนบ้านหรือประชาชนทั่วไป
ในฐานะ อสม., อสป. (เครือข่าย)
1.      ทำหน้าที่สำรวจและขึ้นทะเบียนประชากรสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมว
2.      เป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์และสาธารณสุขในการสร้างภูมิคุ้มป้องกันโรคโดยการฉีดวัคซีนในสัตว์เลี้ยงและช่วยค้นหาผู้สัมผัส/ถูกกัดข่วนโดยสัตว์ที่สงสัย
3.      ให้คำแนะนำประชาชนร่วมเฝ้าระวัง
4.      ร่วมเป็นหน่วยเฉพาะกิจในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ


มาตรการด้านการป้องกัน
สัตวแพทย์
สาธารณสุข
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ประชาชน/ผู้เลี้ยงสัตว์
1.      สร้างภูมิคุ้มโดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้สัตว์เลี้ยงในพื้นที่
-อบรมให้ความรู้เรื่องเทคนิคการฉีดวัคซีน/มอบหมายเจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีน
-ควบคุมวัคซีนให้มีคุณภาพสูงสุด
-Pre-exposure ในคนกลุ่มเสี่ยง (คนจับสุนัข สัตวแพทย์ อสม.)

-สำรวจ/ขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง
-ประสานเครือข่ายเจ้าหน้าที่/อาสาเป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์โดยฉีดวัคซีน
-บริหารจัดการให้มีวัคซีนบริการ
-ต้องนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องตามกำหนดในพรบ. โรคพิษสุนัขบ้า 2535

2.      การเฝ้าระวัง/หลีกเลี่ยงการถูกสัตว์กัด


สร้างการรับรู้แก่ประชาชนและให้ข้อมูลข่าวสารด้านโรคพิษสุนัขบ้า
-ท่องและปฏิบัติตามคาถา 5 ย.หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูกสัตว์ข่วนกัด
-ให้ความร่วมมือเลี้ยงสุนัขในบริเวณบ้าน และมีสายจูงหากจำเป็นต้องอยู่นอกบ้าน
3.      การปฏิบัติหลังถูกกัด
สั่งกักสัตว์ 10 วัน ตายส่งตรวจ
ติดตามผู้สัมผัสทุกรายให้มารับการดูแลตามปฏิบัติเวช

-กักขังดูอาการสุนัข 10 วัน
-หาหมอ ฉีดยาให้ครบ